หัวข้อ   “ดัชนีคาดการณ์เศรษฐกิจไทย ต.ค. 53”
                 นักเศรษฐศาสตร์ 54.1% เสนอ ธปท. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายชะลอ
การแข็งค่าของเงินบาท ห่วงส่งออกสินค้ามีปัญหาทำเศรษฐกิจ 3 เดือนข้างหน้าสดใส
น้อยลง
ดีมาก (5)
ดี (4)
ปานกลาง (3)
พอใช้ (2)
แย่ (1)
 
 
 
                 ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์)  เปิดเผยผลสำรวจความเห็น
นักเศรษฐศาสตร์ที่ทำงานอยู่ในหน่วยงานด้านการวิเคราะห์ วิจัยเศรษฐกิจระดับชั้นนำของ
ประเทศ จำนวน 25 แห่ง เรื่อง “
ดัชนีคาดการณ์เศรษฐกิจไทย ต.ค. 53” โดยเก็บข้อมูล
ระหว่างวันที่ 6-10 ก.ย. ที่ผ่านมา พบว่า
 
                 ดัชนีคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มกราคม 54)
อยู่ที่ 56.64
ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่า 50 แสดงให้เห็นว่า นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นว่า
เศรษฐกิจไทยในอีก 3 เดือนข้างหน้าจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปัจจุบัน (ตุลาคม
53)   อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับการคาดการณ์ครั้งที่ผ่านมา พบว่าค่าดัชนีปรับตัวลดลง
ค่อนข้างมาก และเป็นการปรับตัวลดลงในทุกปัจจัยขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ แสดงให้เห็นว่า
เศรษฐกิจไทยในช่วง 3 เดือนข้างหน้าจะดีขึ้นไม่เหมือนกับในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะ
ด้านการส่งออกสินค้าที่ดัชนีคาดการณ์ฯ อยู่ในระดับต่ำเท่ากับ 28.38 ส่วนดัชนีสถานะทาง
เศรษฐกิจของไทยในปัจจุบัน(ตุลาคม 53) ยังคงอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งเห็นได้จากค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 53.50 ซึ่งเป็นระดับ
ที่สูงกว่า 50 แต่เมื่อพิจารณาสถานะใน แต่ละปัจจัยพบว่า ปัจจัยการลงทุนภาคเอกชนและการท่องเที่ยวจากต่างประเทศ
ยังคงอยู่ในสถานะที่อ่อนแอ คือ มีค่าดัชนีฯ อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าระดับ 50 (ตารางในข้อ 1)
 
                 สำหรับการประเมินสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในอีก 3 เดือนข้างหน้า
พบว่า ปัจจัยที่จะส่งผลด้านลบที่สำคัญคือ อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท(ร้อยละ 89.2)   รองลงมาเป็นปัญหา
เศรษฐกิจโลกโดยภาพรวม (ร้อยละ 59.5)   ส่วนปัจจัยที่จะส่งผลด้านบวกที่สำคัญคือความเชื่อมั่นผู้บริโภค
(ร้อยละ 50.0)
  รองลงมาเป็นความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ (ร้อยละ 45.9) (ตารางในข้อ 2)
 
                 ส่วนความเห็นเกี่ยวกับประเด็นการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ของ ธปท. ในวันที่
20 ต.ค. 53 นั้น นักเศรษฐศาสตร์ร้อยละ 54.1 เสนอ ธปท. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
เพื่อชะลอการไหลเข้าของ
เงินทุนอันจะช่วยให้เงินบาทไม่แข็งค่ามากเกินไป รวมถึงให้เวลาภาคเอกชนได้ปรับตัว โดยเฉพาะ SME รองลงมาร้อยละ
17.6 เสนอให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (ตารางในข้อ 3)
 
                 โปรดพิจารณารายละเอียดของผลสำรวจดังต่อไปนี้
 
             1. ปัจจัยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน และคาดการณ์อนาคตอีก 3 เดือนข้างหน้า

ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
สถานะทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ดัชนี
คาดการณ์
เศรษฐกิจ
ในอีก 3 เดือน
ข้างหน้า
ค่าดัชนี
ก.ค.
ค่าดัชนี
ต.ค.
อ่อนแอ
(%)
ปกติ
(%)
แข็งแกร่ง
(%)
ก.ค.
ต.ค.
1) การบริโภคภาคเอกชน
39.13
50.00
14.9
70.2
14.9
79.29
64.19
2) การลงทุนภาคเอกชน
24.26
45.21
21.9
65.8
12.3
71.01
67.81
3) การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ
58.09
56.16
12.3
63.0
24.7
65.22
55.48
4) การส่งออกสินค้า
76.09
69.59
14.9
31.1
54.0
63.57
28.38
5) การท่องเที่ยวจากต่างประเทศ
13.24
46.53
22.2
62.5
15.3
81.88
67.36
ดัชนีรวม
42.16
53.50
 
72.19
56.64
หมายเหตุ : มีนักเศรษฐศาสตร์ร่วมแสดงความคิดเห็นในประเด็นนี้ทั้งหมด 53 คน
  ค่าดัชนีสูงกว่า 50 หมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นว่าปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจอยู่ใน
สถานะปกติ (สำหรับสถานะปัจจุบัน) หรือหมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นอยู่ในระดับ
เดิม/ไม่เปลี่ยนแปลง (สำหรับการคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า)
  ค่าดัชนีต่ำกว่า 50 หมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นว่าปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจอยู่ใน
สถานะแข็งแกร่ง (สำหรับสถานะปัจจุบัน) หรือหมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นอยู่ใน
ระดับ ดีขึ้น (สำหรับการคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า)
  ค่าดัชนีเท่ากับ 50 หมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นว่าปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจอยู่ใน
สถานะอ่อนแอ (สำหรับสถานะปัจจุบัน) หรือหมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นอยู่ในระดับ
แย่ลง (สำหรับการคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า)
 
 
             2. สภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจในแต่ละส่วนต่อไปนี้จะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยในอีก 3 เดือนข้างหน้า

สภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจ
คาดการณ์ผลกระทบต่อ
เศรษฐกิจไทยในอีก 3 เดือนข้างหน้า
ไม่ตอบ
/
ไม่แน่ใจ
ส่งผลด้านลบ
ไม่ส่งผล
ส่งผลด้านบวก
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท
89.2
10.8
0.0
0.0
- เศรษฐกิจโลกโดยภาพรวม
59.5
17.6
18.9
4.0
- ปัจจัยด้านการเมือง
47.3
31.1
10.8
10.8
- วิกฤติหนี้สาธารณะของยุโรป
47.3
43.2
4.1
5.4
- อัตราเงินเฟ้อทั่วไป
25.7
67.6
5.4
1.3
- อัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์
24.3
55.4
13.5
6.8
- ราคาน้ำมันโดยภาพรวม
41.9
45.9
8.1
4.1
- ค่าเงินหยวนของจีน
32.4
44.6
8.1
14.9
- ความเชื่อมั่นผู้บริโภค
14.9
32.4
50.0
2.7
- ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ
23.0
28.4
45.9
2.7
 
 
             3. การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ของ ธปท. ในวันที่ 20 ต.ค. นี้ ท่านคิดว่า กนง.
                 ควรปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อย่างไร


 
ร้อยละ
ควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
เพราะ  
  1. อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะปีหน้า
  2. เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ประกอบกับอัตราดอกเบี้ย
    ปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่ต่ำมาก
16.2
ควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
เพราะ  
  1. ชะลอการไหลเข้าของเงินทุนต่างประเทศ อันจะช่วยลดการแข็งค่าของ
    เงินบาท
  2. เป็นมาตรการเดียวที่ กนง. มีเหลืออยู่เพื่อรั้งค่าเงินบาท
17.6
ควรคงท ี่(ชะลอ) การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
เพราะ  
  1. ชะลอการไหลเข้าของเงินทุนอันจะช่วยให้เงินบาทไม่แข็งค่ามากเกินไป
    รวมถึงให้เวลาภาคเอกชนได้ปรับตัว โดยเฉพาะ SME
  2. เงินเฟ้อยังอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ และการแข็งค่าของเงินบาทช่วยลด
    แรงกดดันเงินเฟ้ออีกทางหนึ่ง
  3. ปัจจัยทางเศรษฐกิจมีความผันผวน ควรรอดูผลกระทบของค่าเงิน เศรษฐกิจ
    โลกที่ยังอ่อนแอ รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงทางการเมือง
54.1
ไม่ตอบ/ไม่แน่ใจ
12.1
 

** หมายเหตุ:  รายงานผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ฉบับนี้   เป็นการสำรวจความเห็นส่วนตัวของ
                     นักเศรษฐศาสตร์ซึ่งมิได้สื่อถึงแนวนโยบายขององค์กรที่นักเศรษฐศาสตร์สังกัดอยู่แต่อย่างใด

 
 
รายละเอียดในการสำรวจ
วัตถุประสงค์:
                  1. เพื่อสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ต่อสถานะทางเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันและทิศทางในอนาคต
                      อีก 3 เดือนข้างหน้า
                  2. เพื่อทราบสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจว่าจะส่งผลอย่างไรต่อเศรษฐกิจไทยในอีก 3 เดือนข้างหน้า
                  3. เพื่อสะท้อนข้อเสนอแนะประเด็นเศรษฐกิจของนักเศรษฐศาสตร์ไปยังรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
 
กลุ่มตัวอย่าง:
                        เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่สำเร็จการศึกษาทั้งระดับปริญญาตรีและปริญญาโทในสาขาเศรษฐศาสตร์
               (กรณีสำเร็จการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์เฉพาะปริญญาตรี หรือปริญญาโท หรือปริญญาเอก อย่างใดอย่างหนึ่ง
               จะต้องมีประสบการณ์ในการทำงานด้านวิเคราะห์/วิจัย/หรืองานที่เกี่ยวข้องที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถ
               ด้านเศรษฐศาสตร์อย่างน้อย 5 ปี) ที่ทำงานอยู่ในหน่วยงานด้านการวิเคราะห์ วิจัยเศรษฐกิจระดับชั้นนำของ
               ประเทศ จำนวน 25 แห่ง ได้แก่   ธนาคารแห่งประเทศไทย   สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ
               สังคมแห่งชาติ   สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง   สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม   สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
               สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า   สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย   ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย
               ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารไทยพาณิชย์   ธนาคารนครหลวงไทย   ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า
               แห่งประเทศไทย   ธนาคารกรุงไทย   ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย   บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย
               บริษัทหลักทรัพย์ภัทร   บริษัทหลักทรัพย์เอเชียพลัส   บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ   บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคิน
               บริษัทหลักทรัพย์พัฒนสิน  บริษัทหลักทรัพย์ไอร่า   บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส   คณะเศรษฐศาสตร์
               มหาวิทยาลัยทักษิณ   คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่   และอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์และนักวิจัย
               ประจำศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
 
ระเบียบวิธีการสำรวจ:
                        รวบรวมข้อมูลโดยการส่งแบบสอบถามออนไลน์ไปยังนักเศรษฐศาสตร์ในหน่วยงานที่กำหนดภายใน
               ระยะเวลาที่กำหนด
 
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล: 11 - 15 ตุลาคม 2553
 
วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ: 19 ตุลาคม 2553
 
สรุปข้อมูลพื้นฐานของกลุ่มตัวอย่าง:
ตารางข้อมูลประชากรศาสตร์
 
จำนวน
ร้อยละ
ประเภทของหน่วยงานที่กลุ่มตัวอย่างทำงานอยู่:    
             หน่วยงานภาครัฐ
40
54.1
             หน่วยงานภาคเอกชน
25
33.8
             สถาบันการศึกษา
9
12.1
รวม
74
100.0
เพศ:    
             ชาย
41
55.4
             หญิง
33
44.6
รวม
74
100.0
อายุ:
 
 
             18 – 25 ปี
1
1.3
             26 – 35 ปี
33
44.6
             36 – 45 ปี
21
28.4
             46 ปีขึ้นไป
19
25.7
รวม
74
100.0
การศึกษา:
 
 
             ปริญญาตรี
4
5.4
             ปริญญาโท
55
74.3
             ปริญญาเอก
15
20.3
รวม
74
100.0
ประสบการณ์ทำงาน:
 
 
             1 - 5 ปี
16
21.6
             6 - 10 ปี
24
32.4
             11 - 15 ปี
7
9.5
             16 - 20 ปี
10
13.5
             ตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป
17
23.0
รวม
74
100.0
 
ติดตามกรุงเทพโพลล์ผ่าน twitter ได้ที่  twitter bangkokpoll
Download PDF file:  
 
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์)
Email: bangkokpoll@bu.ac.th      โทร. 0-2350-3500 ต่อ 1770-1776